อาจารย์ใหญ่
เชื่อได้เลยว่าสำหรับคนทั่วไปนั้นก็คงไม่ได้นึกถึงอะไรมากมาย เสียชีวิตไปก็เผาแต่สิ่งที่เราจะได้พูดถึงในวันนี้ต้องบอกก่อนว่าเป็นการอุทิศตนเอง เพื่อที่จะได้บริจาคร่างกายให้นักเรียนนักศึกษาที่กำลังศึกษากำลังเรียนรู้ เพื่อที่จะได้ไปรักษาและช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์อีกหลายๆชีวิต เดี๋ยววันนี้เราจะมาพูดถึงการบริจาคร่างกายเพื่อมาเป็น อาจารย์ใหญ่ ถึงแม้ว่าชีวิตจะสูญสิ้นไปแล้วแต่ร่างกายนั้นจะเป็นสิ่งที่ทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้ และได้ศึกษาเกี่ยวกับร่างกายของมนุษย์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในวันข้างหน้า จากการที่ร่างกายของคุณนั้นได้สูญสิ้นไปแล้วมันไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรแล้วแต่ การที่คุณนำร่างกายมาบริจาคให้กับนักศึกษาแพทย์ มันจะเปลี่ยนความตายของคุณให้เป็นผู้ให้ขอบอกเลยว่า มันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เป็นสิ่งที่เป็นบุญเป็นกุศลอันยิ่งใหญ่มากๆ
ต้องบอกก่อนว่าการจะเป็นอาจารย์ใหญ่นั้น มันเป็นสิ่งที่นักเรียนทางสายแพทย์เท่านั้นที่จะได้สัมผัส และต้องบอกเลยว่าแทบจะไม่มีใครรู้เลยสำหรับที่มาหรือความเป็นอยู่ของอาจารย์ใหญ่ ว่าเป็นอย่างไรก่อนที่จะมาสิ้นลมและมาอยู่ในสถานที่เรียนรู้ให้กับนักเรียนแพทย์ทุกๆคน ซึ่งต้องบอกก่อนว่าไม่ใช่ว่าทุกคนจะสามารถเป็นอาจารย์ใหญ่ได้การที่จะเป็นอาจารย์ใหญ่ได้นั้น จำเป็นจะต้องได้รับการบริจาคด้วยความเต็มใจจากเจตจำนงของผู้ให้บริการจากนั้นเอง และอีกหนึ่งสิ่งเลยก็คือจำเป็นจะต้องมีทุกสิ่งทุกอย่างครบ เพราะว่าจะได้เป็นการเรียนรู้อวัยวะต่างๆต้องคบเพื่อที่ได้สามารถทำให้นักเรียนแพทย์ศึกษาได้ทุกซอกทุกมุม และจำเป็นจะต้องแจ้งญาติแล้วแจ้งทางโรงพยาบาลให้ทราบ เพื่อที่จะได้นำศพเข้ามาสู่กระบวนการฆ่าเชื้อและรักษาสภาพ และทุกขั้นตอนจะถูกทำไปด้วยความเคารพเพื่อผู้ที่อุทิศร่างกายให้สำหรับนักเรียนแพทย์ได้ศึกษา
คุณสมบัติการที่จะมาเป็น อาจารย์ใหญ่
อย่างที่เรารู้ๆกันว่าอาจารย์ใหญ่นั้นเป็นคนที่มีพระคุณกับนักศึกษาแพทย์เอามากๆ และนักศึกษาแพทย์ก็ให้การยกย่องเชิดชูอาจารย์ใหญ่ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ และต้องบอกก่อนว่าการที่จะมาเป็นอาจารย์ใหญ่ได้นั้นไม่ใช่ว่าคุณจะสามารถบริจาคแล้วมาเป็นได้แต่ต้องบอกก่อนว่าการที่จะบริจาค เพื่อที่จะได้นำร่างของคุณนำมาเป็นอาจารย์ใหญ่จำเป็นจะต้องมีการตรวจ สำหรับดูว่าเหมาะสมหรือไม่เพราะว่าในบางครั้งการที่จะต้องการเป็นอาจารย์ใหญ่ จำเป็นจะต้องไม่เสียชีวิตด้วยโรคร้ายแรงและที่สำคัญจำเป็นจะต้องมีอวัยวะส่วนต่างๆของร่างกายครบถ้วน อย่างโรคร้ายแรงอย่างเช่นพวกโรคไวรัสตับอักเสบหรือโรคมะเร็ง เพราะว่าในบางครั้งการเป็นโรคมะเร็งอาจจะมีการตัดชิ้นส่วนออกไป จึงทำให้ร่างกายไม่ครบและการเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ เพราะว่ามันจะติดทางรูปคดีไม่สามารถนำร่างมาเป็นอาจารย์ใหญ่ได้
อาจารย์ใหญ่มีอยู่ 3 รูปแบบ
- แบบเก่า หลังจากที่ไปรับศพมาแล้วก็จะนำมาฉีดน้ำยา ซึ่งมันจะมีส่วนผสมของฟอร์มาลีนประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ และจึงจะนำมาลงไว้ในบ่อดองประมาณ 2 ปีจึงจะสามารถนำมาใช้เป็นอาจารย์ใหญ่ได้และจะไม่มีกลิ่นแรง
- แบบแช่แข็ง เป็นอีกหนึ่งรูปแบบที่ต้องบอกเลยว่าถูกแช่แข็งที่อุณหภูมิต่ำติดลบ จนทำให้ร่างกายนั้นแข็งรวมถึงเลือดแข็งไปด้วย และถ้าไม่ได้นำออกมาจากตู้แช่ก็สามารถเก็บไว้ได้นาน และจะรักษาสภาพของมนุษย์ได้เหมือนมนุษย์มากที่สุดยังคงมีน้ำมีเลือดอยู่ในร่างกาย แต่ข้อเสียของประเภทนี้ก็คือการเก็บรักษาได้ในระยะเวลาที่ไม่นาน ถ้านำออกมาศึกษาอาจจะใช้เวลาได้แค่ 3 เดือนเท่านั้น
- แบบนุ่ม ประเภทนี้จะเป็นการใช้น้ำยาชนิดพิเศษในการฉีดศพ และต้องบอกก่อนว่าจะสามารถทิ้งศพไว้ได้นานถึง 5 วันเลยทีเดียว ซึ่งหลังจากนั้นค่อยนำไปแช่ในแท้งประมาณ 3 เดือนและก็สามารถนำออกมาใช้งานเป็นอาจารย์ใหญ่ได้เลย และข้อดีคือสามารถเก็บได้ในระยะเวลาที่นานมากถึง 2 ปีเลยทีเดียว
วิธีการเตรียม อาจารย์ใหญ่
โดยส่วนมากแล้วการเตรียมอาจารย์ใหญ่นั้นมักจะมีลำดับหมายเลขที่ติดไว้ที่ล่าง เพื่อบอกและตัดผมออกและจะมีการใส่น้ำยาชนิดพิเศษเพื่อที่จะทำให้ศพนุ่ม และหลังจากที่ฉีดยาให้ศพนุ่มแล้วจะมีการนำไปดองเอาไว้ซึ่งจะเป็นถังกรองขนาดใหญ่ เพื่อรักษาสภาพร่างกายและอวัยวะภายในเพื่อให้รักษาสภาพดีที่สุด ซึ่งในแต่ละทางนั้นจะมีอาจารย์ใหญ่อยู่ประมาณ 6 ท่านด้วยกันและใช้ระยะเวลาในการดองประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปีแล้วจึงจะสามารถนำมาให้นักศึกษาแพทย์ได้ศึกษากัน และจำเป็นจะต้องมีการดูแลอาจารย์ใหญ่ในขั้นตอนการดองด้วย เพื่อที่จะได้รักษาระดับน้ำยาเพื่อไม่ให้มันน้อยจนเกินไปเพราะอาจจะทำให้สูญเสียอาจารย์ใหญ่ และไม่สามารถนำมาศึกษาได้นั่นเองและโดยส่วนมากจะมีการใช้อาจารย์ใหญ่เพื่อในการศึกษาประมาณ 1 ปีและจะได้รับพระราชทานเพลิงศพเมื่อได้ครบตามกำหนดในทุกปลายปีจะมีการจัดสวดอภิธรรมศพ เพื่อพิธีพระราชทานเพลิงศพให้แก่อาจารย์ใหญ่ทุกท่าน
Fun88 เป็นกำลังใจให้กับอาจารย์ใหญ่ทุกท่านที่เป็นกำลังสำคัญในการเสียสละร่างกายเพื่อการศึกษาทางการแพทย์